วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

คอมพิวเตอร์

คอมพิวเตอร์
       คอมพิวเตอร์  หมายถึง  เครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถทำงานคำนวณผลและเปรียบเทียบค่าตามชุดคำสั่งด้วยความเร็วสูงอย่างต่อเนื่องและอัตโนมัติ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้คำจำกัดความว่า เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ทำหน้าที่ เสมือนสมองกล ใช้สำหรับแก้ปัญหาต่างๆ ทั้งที่ง่ายและซับซ้อน โดยวิธีทางคณิตศาสตร์

การจำแนกคอมพิวเตอร์ตามลักษณะวิธีการทำงานภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ แบ่งได้ 2 ประเภท คือ
1. แอนะล็อกคอมพิวเตอร์ [ Analog Computer]
เป็นเครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ได้ใช้ค่าตัวเลขเป็นหลักของการคำนวณ แต่จะใช้ค่าระดับแรงดันไฟฟ้าแทน แอนะล็อกคอมพิวเตอร์จะมีลักษณะเป็นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่แยกส่วนทำหน้าที่เป็นตัวกระทำและเป็นฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์ จึงเหมาะสำหรับงานคำนวณทางวิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมที่อยู่ในรูปของสมการทางคณิตศาสตร์ เช่น การจำลองการบิน การศึกษาการสั่นสะเทือนของตึกเนื่องจากแผ่นดินไหว เป็นต้น ในปัจจุบันไม่ค่อยพบเห็นแอนะล็อกคอมพิวเตอร์เท่าไรนักเพราะผลการคำนวณมีความละเอียดน้อย ทำให้มีขีดจำกัดใช้ได้กับงานเฉพาะบางอย่างเท่านั้น

2. ดิจิทัลคอมพิวเตอร์ [Digital Computer]
เป็นเครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้งานเกี่ยวกับตัวเลข ค่าตัวเลขของการคำนวณในดิจิทัลคอมพิวเตอร์จะแสดงเป็นหลัก แต่จะเป็นระบบเลขฐานสองที่มีสัญลักษณ์ตัวเลขเพียงสองตัว คือ 0 และ 1 เท่านั้น โดยสัญลักษณ์ทั้งสองตัวนี้ จะแทนลักษณะการทำงานภายในซึ่งเป็นสัญญาณไฟฟ้าที่ต่างกัน การคำนวณภายในดิจิทัลคอมพิวเตอร์จะเป็นการประมวลผลด้วยระบบเลขฐานสองทั้งหมด เครื่องดิจิทัลคอมพิวเตอร์หรือนิยมเรียกสั้นๆ ว่า คอมพิวเตอร์ กำลังได้รับความนิยมกันมากในขณะนี้ และพบเห็นอยู่ทั่วไปในปัจจุบัน

วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์ได้แบ่งเป็น 5 ยุค ตามลักษณะโครงสร้างและเทคโนโลยี ดังนี้
1]. คอมพิวเตอร์ยุคแรก [อยู่ระหว่างปี พ.ศ. 2488 - พ.ศ. 2501]
เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้หลอดสุญญากาศ ใช้กำลังไฟฟ้าสูง มีปัญหาเรื่องความร้อนและไส้หลอดขาดบ่อย การสั่งงานใช้ภาษาเครื่องซึ่งเป็นรหัสตัวเลขที่ยุ่งยากซับซ้อน เครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคนี้มีขนาดใหญ่โต เช่น มาร์ค วัน [Mark I], อีนิแอค [ENIAC], ยูนิแวค [UNIVAC]

2]. คอมพิวเตอร์ยุคที่สอง [อยู่ระหว่างปี พ.ศ. 2502 - พ.ศ. 2506]
เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้ทรานซิสเตอร์ โดยมีแกนเฟอร์ไรท์เป็นหน่วยความจำ มีอุปกรณ์เก็บข้อมูลสำรองในรูปของสื่อบันทึกแม่เหล็ก เช่น จานแม่เหล็ก ส่วนทางด้านซอฟต์แวร์ มีการสั่งงานโดยใช้ภาษาระดับสูงซึ่งเป็นภาษาที่เขียนเป็นประโยคที่สามารถเข้าาใจได้ เช่น ภาษาฟอร์แทน ภาษาโคบอล เป็นต้น ภาษาระดับสูงนี้ได้มีการพัฒนาและใช้งานมาจนถึงปัจจุบัน

3]. คอมพิวเตอร์ยุคที่สาม [อยู่ระหว่างปี พ.ศ. 2507 - พ.ศ. 2512]
เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้วงจรรวม [Integrated Circuit : IC] โดยวงจรรวมแต่ละตัวจะมีทรานซิสเตอร์บรรจุอยู่ภายในมากมาย ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลง ไม่สิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า โครงสร้างของคอมพิวเตอร์จะออกแบบซับซ้อนมากขึ้น และสามารถสร้างเป็นโปรแกรมย่อยๆ ในการกำหนดชุดคำสั่งต่างๆ ทางด้านซอฟต์แวร์มีระบบควบคุมที่มีความสามารถสูงทั้งในรูประบบแบ่งเวลาการทำงานให้กับงานหลายๆ อย่าง

4]. คอมพิวเตอร์ยุคที่สี่ [ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 - ปัจจุบัน]
เป็นยุคของคอมพิวเตอร์ที่ใช้วงจรรวมความจุสูงมาก [Very Large Scale Integration : VLSI] เช่น ไมโครโพรเซสเซอร์ที่บรรจุทรานซิสเตอร์นับหมื่นนับแสนตัว ทำให้คอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลงสามารถตั้งบนโต๊ะในสำนักงานหรือพกพาเหมือนกระเป๋าหิ้วไปในที่ต่างๆ ได้ มีการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ให้มีขีดความสามารถสูงขึ้นมาก มีโปรแกรมสสำเร็จให้เลือกใช้กันมาก ทำให้เกิดความสะดวกในการใช้งานอย่างกว้างขวาง

5]. คอมพิวเตอร์ยุคที่ห้า
     เป็นคอมพิวเตอร์ที่มนุษย์พยายามนำมาเพื่อช่วยในการตัดสินใจและแก้ปัญหาให้ดียิ่งขึ้น โดยจะมีการเก็บความรอบรู้ต่างๆ เข้าไว้ในเครื่อง สามารถเรียกค้นและดึงความรู้ที่สะสมไว้มาใช้งานให้เกิดประโยชน์ คอมพิวเตอร์ยุคนี้เป็นผลจากวิชาการด้านปัญญาประดิษฐ์ [Artificial Intelligence : AI] ประเทศต่างๆ ทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และประเทศในทวีปยุโรปกำลังสนใจค้นคว้า และพัฒนาทางด้านนี้กันอย่างจริงจัง

เอาประวัติไปก่อนนะคับ อิอิ


คอมพิวเตอร์กราฟิกส์ (computer graphics) หรือในศัพท์บัญญัติว่า วิชาเรขภาพคอมพิวเตอร์ คือหนึ่งในศาสตร์ องค์ความรู้ ของระเบียบวิธีการแก้ปัญหาเชิงคอมพิวเตอร์ (computing methodology) ที่แก้ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของภาพหรือการแสดงภาพ โดยเน้นการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ ให้ข้อมูลนำเข้าเป็นข้อมูลตัวเลข ตัวอักษร หรือสัญญานต่าง ๆ แทน ตำแหน่งพิกัด สี รูปทรง ความสว่าง
ขั้นตอนแรกเริ่มต้นด้วยการสร้างแบบจำลอง (modeling) เพื่อแทนความสัมพันธ์ของข้อมูลต่าง ๆ เหล่านั้นให้สามารถประมวลผลได้ด้วยคอมพิวเตอร์ ตามด้วย การแปรเป็นภาพสุดท้าย หรือ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเรนเดอร์ หรือการให้แสงและเงา (rendering) เป็นการแปรหรือแสดงผลลัพธ์ทางอุปกรณ์แสดงผลลัพธ์ เช่น จอภาพ หรือ อุปกรณ์อื่น ๆ ออกมาเป็นภาพเชิงเรขาคณิตมองเห็น รูปทรง สีสัน ลวดลาย ลายผิว หรือ ลักษณะแสงเงา รวมถึง ข้อมูลอื่น ๆ ของภาพ เช่น ข้อมูลการเคลื่อนไหว การเปลี่ยนแปลง ลักษณะการเชื่อมต่อ และ ความสัมพันธ์ระหว่างวัตถุหรือสิ่งของในภาพ
วิชานี้ยังครอบคลุมถึงการศึกษาด้านระบบในการแสดงภาพ ทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ สถาปัตยกรรมของเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์เชื่อมต่อ หรือ อุปกรณ์ในการนำเข้า และ แสดงผล ปัจจุบันมีการประยุกต์ วิชาเรขภาพคอมพิวเตอร์ใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีอื่น เช่น การสร้างภาพเคลื่อนไหวหรือแอนิเมชัน งานภาพยนตร์ เกม สื่อประสมภาพและเสียง ศึกษาบันเทิง หรือ ระบบสร้างภาพความจริงเสมือน เป็นต้น
ระเบียบวิธีที่นิยมแบ่งเป็นสองวิธีหลัก คือ การใช้หลักการฉายและการใช้หลักการตามรอยละแสง สำหรับวิธีการสร้างภาพโดยใช้หลักการฉาย(projective method) ซึ่งใช้หลักการแปลงพิกัดข้อมูลตำแหน่งต่าง ๆ ในสามมิติ ให้เป็นข้อมูลที่มีพิกัดสองมิติแล้วแสดงผลบนอุปกรณ์แสดงผลเช่นจอภาพ เป็นต้น โดยระหว่างการแปลงพิกัดจะมีการคำนวณย่อย เช่น การขริบ (clipping) การขจัดเส้นแฝงผิวแฝง (hidden line/surface removal) และ การทำให้เป็นจุดภาพ (rasterization) เป็นต้น
อีกวิธีที่นิยมใช้คือ การตามรอยลำแสง (ray tracing) ซึ่งเป็นการคำนวณโดยอาศัยหลักไล่ตามรอยทางเดินของแสงที่มาจากแหล่งกำเนิดแสงมาตกกระทบที่วัตถุแล้วสะท้อนเข้าตาหรือกล้อง โดยไล่ตรวจสอบย้อนรอยแสง ไปดูค่าความสว่างของวัตถุที่จะแสดงในแต่ละจุดภาพบนอุปกรณ์แสดงผล

[แก้]

วันพุธที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ราคา new iPad (iPad 3) และ ราคา iPad 2 ในไทย วันที่ 7 กรกฏาคม 2555 : ราคา new iPad (iPad 3) เครื่องหิ้ว เครื่องศูนย์ มาบุญครอง new iPad (iPad 3) เครื่องศูนย์ iPad 2 3G (ไอแพด 2 Wifi+3G) [บทความ]

Share14K

อัพเดทราคา iPad 2 ราคา The new iPad (ราคา iPad 3) ในไทย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2555
เปิดตัวอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ iPad รุ่นใหม่ แห่งปี 2012 ซึ่งมีชื่อว่า The new iPad (iPad 3เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2555 ที่ผ่านมา เวลา 10.00 น. ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา หรือเวลาประมาณ ตีหนึ่ง ตามเวลาในประเทศไทย
โดยการออกแบบของ The new iPad (iPad 3) นั้น มีหน้าตาคล้ายกับ ไอแพด 2 (iPad 2) ครับ ซึ่งมีขนาดหน้าจอเท่ากันที่ 9.7 นิ้ว แต่ได้มีการปรับเปลี่ยนสเปคภายในให้ดีขึ้นกว่าเดิม นั่นก็คือ The new iPad (iPad 3) ใช้หน้าจอแบบ Retina Display ความละเอียด 2048 x 1536 พิกเซล ซึ่งมีความละเอียดกว่า ไอแพด 2 (iPad 2) ข้างละ 2 เท่าเลยทีเดียวครับ นอกจากนี้ ระบบประมวลผลภาพหรือ GPU นั้น ยังเป็นแบบ Quad-core Processor ซึ่งตอบรับการเล่นเกมกราฟฟิคหนักๆ ได้เป็นอย่างดี ส่วน RAM ของ The new iPad (iPad 3) นั้น เพิ่มขึ้นเป็น 1GB ครับ
นอกจากนี้ สำหรับคนที่ชอบการถ่ายรูป The new iPad (iPad 3) ยังได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพของกล้องถ่ายรูปให้ดีขึ้น โดยเพิ่มความละเอียดจาก 0.7 ล้านพิกเซล ใน ไอแพด 2 (iPad 2มาเป็น 5 ล้านพิกเซลแล้ว โดยเซนเซอร์ที่ใช้นั้น เป็นแบบเดียวกับที่ใช้บน ไอโฟน 4S (iPhone 4S) นั่นเอง
The new iPad (iPad 3) จะเปิดจำหน่ายในวันแรก คือวันศุกร์ที่ 16 มีนาคมนี้ ใน 10 ประเทศ ซึ่งได้แก่ สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, สวิตเซอร์แลนด์, ญี่ปุ่น, ฮ่องกง, สิงคโปร์ และออสเตรเลีย และวันที่ 23 มีนาคม ที่ผ่านมา ในอีก 26 ประเทศ ส่วนการจำหน่าย The new iPad (iPad 3) นั้น ล่าสุด Apple ได้ประกาศออกมาแล้วว่า ในวันศุกร์ที่ 27 เมษายนนี้ จะเปิดจำหน่าย The new iPad (iPad 3) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย พร้อมกับอีก 8 ประเทศที่เหลือครับ
สำหรับราคา The new iPad (iPad 3) ที่จะจำหน่ายในประเทศไทยนั้น ขณะนี้ได้มีข้อมูลเปิดเผยออกมาจากทั้ง 3 โอเปอเรเตอร์ในไทย ไม่ว่าจะเป็น Dtac, AIS และ Truemove H รวมไปถึงตัวแทนจำหน่ายจาก Apple อย่าง iStudio ด้วยโดยราคา The new iPad (iPad 3) นั้น แพงกว่าราคา iPad 2 ตอนเปิดตัว รุ่นละ 600 บาทครับ ทำให้ราคา The new iPad (iPad 3) เครื่องศูนย์นั้น ใกล้เคียงกับราคาขาย The new iPad (iPad 3) เครื่องหิ้ว ที่มาบุญครองเป็นอย่างมาก โดยผลการสำรวจในวันนี้นั้น เป็นดังนี้ครับ
บทวิเคราะห์ ราคา The new iPad (ราคา iPad 3)
ในตอนนี้ ราคา The new iPad (ราคา iPad 3) เครื่องหิ้ว มีราคาต่ำกว่าเครื่องศูนย์แล้วครับ ถือว่า เป็นราคาที่น่าจับจองอย่างมาก โดย ราคา The new iPad (ราคา iPad 3) เครื่องหิ้ว รุ่น 16 GB Wi-Fi นั้น อยู่ที่เรียกได้ว่า ราคาถูกกว่าเครื่องศูนย์เสียอีก แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
The new iPad (iPad 3) ทั้งเครื่องศูนย์ และเครื่องหิ้วนั้น มีสเปคที่เหมือนกันครับ ต่างกันตรงที่การรับประกัน ซึ่ง The new iPad (iPad 3) เครื่องหิ้วนั้น จะไม่มีการรับประกันจากทางศูนย์ อย่างไรก็ดี ทั้ง The new iPad (iPad 3) เครื่องศูนย์และเครื่องหิ้ว ต่างก็ได้รับการรับประกันจากทาง Apple ครับ
 อ่านต่อ โปรโมชั่น และแพ็กเกจอินเทอร์เน็ต The new iPad ทั้ง Dtac, AIS, Truemove H และ iStudio
 อ่านต่อ รายละเอียดของ The new iPad (iPad 3) ทั้งเรื่องของสเปค การออกแบบ ความสามารถใหม่ ได้ที่นี่
 อ่านต่อ เปรียบเทียบความแตกต่าง iPad 1, iPad 2 และ The new iPad (iPad 3) พร้อมรายละเอียด คุณสมบัติใหม่ ข้อดี ข้อเสีย ได้ที่นี่

กลับมากับการอัพเดทราคา ไอแพด 1 (iPad) และ ไอแพด 2 (iPad 2) กันบ้าง หลังจากที่ The new iPad (iPad 3) ได้มีการเปิดตัวแล้ว แน่นอนว่า iPad รุ่นเก่า หรือ ไอแพด 2 (iPad 2) นั้น ได้มีการปรับราคาลงมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยที่หน้า Apple Store Thailand ไอแพด 2 (iPad 2) รุ่น 16 GB Wi-Fi เหลือเพียง 13,500 บาทเท่านั้น ทำให้ในตอนนี้ ร้านค้าที่ห้างมาบุญครอง ได้มีการปรับราคา ไอแพด 2 (iPad 2) ลงมาแล้วเช่นกัน ไปดูกันว่า ราคา ไอแพด 2 (iPad 2) ที่ห้างบุญครอง ณ ตอนนี้ อยู่ที่เท่าไหร่กันบ้าง
บทวิเคราะห์ราคา ไอแพด 2 (iPad 2)
- ในตอนนี้ ราคา ไอแพด 2 (iPad 2) ได้ปรับราคาลงมา ถูกกว่าเดิมประมาณ 3,000 บาท เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ซึ่งใครที่ยังสนใจ ไอแพด 2 (iPad 2) อยู่ ช่วงนี้ถือว่า เป็นโอกาสเหมาะที่จะจับจองเป็นเจ้าของครับ
ขอให้มีความสุขกับการใช้และ ศึกษา เทคโนโลยีครับขอบคุณที่ติดตามครับ /(0)

ข่าว iPad 3 The new iPad iPad 2 ไอแพด 2 และข่าว iPad ไอแพด อื่นๆ
เมื่อวันที่ : 07 กรกฏาคม 2555

ข่าวเกี่ยวกับ imac

หลังจากมีข่าวแต่ MacBook Pro ว่าจะเปิดตัวภายในครึ่งปีแรก แล้วครึ่งปีหลัง  Apple จะเปิดตัวอะไรหรือเปล่า ทั้งๆ ที่ Tim Cook ออกมาเกริ่นๆ แล้วว่า  ปีนี้จะมีอะไรใหม่ๆ ให้ดูกันตลอดปี ข่าวนี้อาจจะทำให้ผู้กำลังตัดสินใจซื้อ  iMac ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น (หรือยากขึ้นหว่า)

iMac รุ่นใหม่ (2012) จะมาพร้อมกับหน้าจอแบบ Anti-reflective glass !!

หลังจากข่าวการเปลี่ยนแปลงแบบ Model Change ของ Macbook Pro  ยังไม่ทันจะเงียบ ข่าวเรื่องการเปิดตัว iMac  รุ่นใหม่ก็เริ่มมีมากระตุ้นต่อมความอยากของคนรัก iMac กันบ้าง  โดยรอบนี้อาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบ Redesign เช่นเดียวกับ MacBook Pro  ซึ่งไม่เพียงแต่จะมีขนาดที่บางกว่าเดิม  (แค่นี้ก็มีปัญหาความร้อนจะแย่อยู่แล้ว ยังจะบางลงได้อีก ... สุดยอด -  ผู้แปล) แต่อาจจะมาพร้อมกับหน้าจอแบบ Anti-reflective ด้วย!!

แหล่งข่าวจาก Digitimes (อีกแล้ว) อ้างอิงถึงรายงานจากไต้หวัน ซึ่งอ้างว่า  G-Tech ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตกระจกหน้าจอได้เพิ่มกำลังการผลิตจาก 1.8 ล้าน  เป็น 3.0 ล้านหน่วย เพื่อให้รองรับความต้องการกระจกหน้าจอที่เพิ่มขึ้นกว่า  25% ของ Apple New iPad ในท้ายของรายงานเดียวกันนี้ G-Tech  ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า "ทางบริษัทหวังที่จะผลิตกระจกหน้าจอแบบ AR  (Anti-Reflective) เพื่อใช้ในคอมพิวเตอร์ Apple แบบ All in One (AIO)  รุ่นใหม่ ซึ่งจะทำให้บริษัทเติบโตขึ้นด้วย"

ซึ่งนี่เป็นก้าวสำคัญของคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (Desktop) จาก Apple  ที่จะเริ่มใช้หน้าจอกระจกแบบ Anti-Reflective หลังจากที่ผ่านมา  เป็นแค่ทางเลือกสำหรับ Built-to-Order สำหรับ MacBook  ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์แบบพกพาเท่านั้น

การเปลี่ยนแปลงเรื่องการออกแบบ iMac  ครั้งสุดท้ายก็ต้องย้อนกลับไปในเดือนตุลาคม 2009 ซึ่งเปิดตัว iMac  ด้วยหน้าจอขนาด 21.5" และ 27" ด้วยตัวเครื่อง Aluminum และหน้าจอกระจกแบบ  Edge-to-Edge (ซึ่งน่าใช้มากกกกกก - ผู้แปล)  หลังจากนั้นการเปลี่ยนแปลงครั้งนั้น  แหล่งข่าวที่คุ้นเคยกับการออกแบบได้กล่าวกับ Appleinsider ว่า Apple  เริ่มพัฒนาคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเพื่อให้มีขนาดบาง และน้ำหนักเบา  ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับ LED TV ที่เป็นที่นิยมนั่นเอ

หลังจากข่าวลือว่าจะเปิดตัว MacBook Pro รุ่นใหม่ในครึ่งปีแรก, การเปิดตัว  iMac ในช่วงครึ่งปีหลังสอดคล้องกับแนวทางใหม่ (Trend) ของ Apple  โดยผลิตภัณฑ์หลักๆ ของทาง Apple มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงไปในทางเดียวกัน  ในตลอดปีนี้ รวมไปถึง MacBook Pro รุ่นใหม่ซึ่งรูปแบบจะเป็นแนวทางเดียวกับ  MacBook Air ที่ได้รับความนิยม และ iPhone ที่มีขนาดบางลง

นอกจากการเปลี่ยนแปลงที่ว่ามาแล้ว Apple  ยังอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจเกี่ยวอุปกรณ์เพิ่มเติม (Peripherals)  อย่างแป้นพิมพ์ ซึ่งมีข่าวก่อนหน้านี้กล่าวถึงการที่ Apple  พยายามลดความหนาของอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะแบบ  All-in-One โดยเอกสารที่ส่งถึงทางการ  เปิดเผยถึงแป้นพิมพ์รุ่นใหม่ที่มีขนาดบางด้วยแป้นที่ขนาดโดยรวมแค่ 0.2 mm  (ผมใช้ Wireless Keyboard ของ Apple อยู่ ผมว่ามันก็ดีอยู่แล้วนะ - ผู้แปล)
 
  มารู้จัก ปอมเมอเรเนียน

ตัวเล็ก เห่าเก่ง และสวยงาม กันเถอะ


ลักษณะทั่วไป


     สุนัขปอมเมอเรเนียนหรือเรียกสั้นๆ ว่า น้องปอมอยู่ในกลุ่ม Toy Group มีขนาดกระทัดรัด หลังสั้น ขนชั้นล่างอ่อนนุ่ม แน่นทึบ ขนชั้นนอก ยาว ฟู มีมาก ค่อนข้างหยาบ ตำแหน่งโคนหางสูง ขนหางแน่น เป็นพวง หางวางราบบนหลัง ปอมส่วนใหญ่ ท่าทางตื่นตัว ร่าเริง อยากรู้อยากเห็น แสดงความฉลาดให้เห็นได้เสมอ มีย่างก้าวที่คล่องแคล่ว สง่างาม และมั่นคง








ความเป็นมา



     บรรพบุรุษของน้องปอมย้อนกลับไปถึงยุคก่อนคริสตกาล พบภาพวาดในแผ่นหินและรูปหล่อสัมฤทธิ์ตามโลงศพที่พบในอียิปต์ พบโครงกระดูกสุนัขพันธุ์เล็กคล้ายพันธุ์ปอมเมอเรเนียน ในอุโมงค์ที่บรรจุศพสมัยโบราณของชาวอียิปต์
เชื่อกันว่า ปอมเมอเรเนียนได้รับการพัฒนาให้เป็นน้องปอมในปัจจุบัน ครั้งแรกที่เมืองปอมเมอเรเนีย ประเทศเยอรมัน ตั้งอยู่ในยุโดรเหนือแถบทะเลบอลติก ดินแดนกว้างใหญ่จากตะวันตกของเกาะรูเกนถึงแม่น้ำวิทูลา ที่แห่งนี้มีการเลี้ยงสุนัขอย่างแพร่หลาย ทั้งเพื่อให้เป็นสัตว์และเพื่อให้เป็นสุนัขอารักขา ปอมเมอเรเนียนมีต้นกำเนิดจากพันธุ์สปิทซ์ในสมัยโบราณ บางคนเชื่อว่าสุนัขปอมเมอเรเนียนพัฒนาจากสุนัขพันธุ์ซามอยด์
     ซึ่งมีต้นกำเนิดอยู่ที่ตอนเหนือของประเทศรัสเซียแถบไซบีเรีย บางคนเชื่อว่าพัฒนามาจากสุนัขป่า ซึ่งอาศัยอยู่ตามถ้ำในประเทศเยอรมัน และถูกนำมาใช้เป็นสุนัขเลี้ยงแกะในทวีปยุโรปตอนกลางและตอนล่าง นำมาพัฒนาในยุโรปเพื่อช่วยในการเลี้ยงแกะ ซึ่งบรรพบุรุษของปอมฯ น่าจะมีน้ำหนักมากถึง 30 ปอนด์ บางคนเชื่อว่าสุนัขปอมฯ มีต้นกำเนิดมาจากประเทศกรีซ โดยอ้างหลักฐานจากภาพวาดสมัยโบราณหลายภาพที่มีอายุ 400 ปีก่อนคริสตกาล หรือเกือบประมาณ 2500 ปีมาแล้ว มีภาพของสุนัขขนาดเล็กที่มีรูปร่างลักษณะเหมือนสุนัขปอมฯ ในปัจจุบัน คือ Stop ที่เด่นชัด ช่วงปากแหลม หูสั้น ลักษณะการเดินและการแสดงออกเหมือนกับที่พบได้ในปัจจุบันทุกประการ ยกเว้นแต่ตำแหน่งของหางที่อยู่ต่ำเกินไปเท่านั้น
      แสดงว่าสุนัขพันธุ์ปอมนี้มีขนาดเล็กมากตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ไม่ใช่เพิ่งพัฒนาให้มีขนาดเล็กลงเมื่อ 40-50 ปีที่ผ่านมาตามที่มีคนในประเทศอังกฤษอ้างเสมอ ประมาณปี 1800 สมเด็จพระราชินีวิคตอเรีย ทรงมีความชื่นชอบในสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียนและส่งสุนัขของพระองค์ลงประกวด ทำให้เกิดความนิยมปอมเมอเรเนียนอย่างแพร่หลายในประเทศอังกฤษ และเพราะความที่พระองค์โปรดปรานสุนัขที่มีขนาดเล็ก
     ผู้เพาะพันธุ์หลายคนเริ่มที่จะคัดสุนัขที่มีขนาดเล็ก ปัจจุบันปอมฯ ที่เราเห็นอยู่มีขนาดที่เล็กลงจากปอมฯ ที่เป็นต้นตำรับ 4-5 ปอนด์ ความฉลาดและความสามารถของปอมฯ ทำให้สุนัขพันธุ์นี้เป็นพระเอกในคณะละครสัตว์อย่างต่อเนื่อง ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในเยอรมัน นิยมเลี้ยงกันเป็นฝูง บางแห่งทำเป็นสุนัขลากเลื่อนก็มี ปอมฯ เข้าสู่อังกฤษช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 18 และได้รับความนิยมอย่างสูง เช่น มีการตั้งชมรมคือ English Pomeranian Club ในปี 1891 ภายหลังสมเด็จพระราชินีวิคตอเรียทรงออกงานพร้อมสุนัขพันธุ์นี้บ่อยครั้ง ทำให้สุนัขพันธุ์นี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว ส่วนในประเทศอเมริกามีการปรากฎตัวครั้งแรกของปอมฯ ที่งานกระกวดสุนัขแห่งหนึ่งประมาณปี 1892 ไม่กี่ปีหลังจากนั้นมีการสั่งนำเข้าอีกเกือบ 200 ตัว มาตรฐานของปอมฯ โดยทั่วไป รูปรางจะเหมือนสุนัขจิ้งจอก มีขนาดกลาง ตาเป็นวงรีสีดำ หูเล็กตั้งตรง ลำตัวสั้นขนาดกระทัดรัด หางเป็นพวงแผ่อยู่บนส่วนหลัง









ลักษณะนิสัย


     น้องปอมส่วนใหญ่มีการแสดงออกถึงความเฉลียวฉลาด ร่าเริงและตื่นตัวอยู่เสมอ ซื่อสัตย์ รักเจ้าของ ขี้ประจบ แต่เป็นสุนัขค่อนข้างตกใจง่าย เห่ามาก ยิ่งตัวเล็กยิ่งเห่าเก่ง



อ่านต่อ : http://www.dogilike.com/breeds/view.php?id=22#ixzz2ANq2R6Hv
เรื่องสั้นสอนใจชายขายผัก
 ชายขายผักคนหนึ่ง ทุกวันเขาจะถอนผักในไร่ล้างแล้วจัดใสตระกร้าหาบไปเร่ ขายตามบ้าน โดยเขาจะหาบไปตามเส้นทางเดิม คนที่ซื้อล้วนเป็นขาประจำ ในจำนวนขาประจำมีบ้านเศรษฐีรวมอยู่ด้วย ทุกวันคนในบ้านเศรษฐีมักจะซื้อผักกับเขา เศรษฐีและภริยาแอบสังเกตเห็นว่าคนขายผักลักษณะท่าทาง เป็นคนซื่อ จึงคิดจะยกลูกสาวให้วันหนึ่งคุณนายได้ถามคนขายผักว่า ที่บ้านนอกจากเธอแล้วยังมีใครอีกบ้าง? ” “ผมกำพร้าพ่อแม่ ไม่มีพี่น้องอยู่กับคุณอาตงแต่เด็กจนโตครับ” “เธอยินดีที่จะเป็นลูกเขยบ้านฉันมั๊ย?” คุณนายถามตรงๆ คนขายผักถูกคุณนายถามอย่างกะทันหันถึงกับนิ่งอึ้ง ในใจคิดว่าตนเป็นลูกกำพร้ายากจน หาบผักขายไปวันๆ ไหนเลยเศรษฐีจะเอาตนเป็นลูกเขยหรือว่าฟังผิดไป ดังนั้นจึงไม่ได้ตอบคำถามของคุณนาย ฝ่ายคุณนายคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญในชีวิต เขาคงต้องกลับไปคิดไตร่ตรองอีกที การไม่ตอบถือเป็นเรื่องปกติ ฉะนั้นจึงไม่ได้ถามซ้ำอีก แต่คนขายผักยังคงคิดถึงคำถามของคุณนายตลอดเวลา เมื่อกลับถึงบ้าน จึงบอกอาเขาถึงคำถามของคุณนาย อาเขยกล่าวว่า หลานเอ๋ย เขาเป็นคนรวย แกเป็นคนจนไม่คู่ควรกัน ใครเขาจะเอาแกเป็นลูกเขย เขาคงพูดเล่นกับแกมากกว่า อย่าไปคิดมากเลยคนขายผักรู้สึกคำพูดของคุณอามีเหตุผล จึงไม่กล้าเพ้อฝัน ทุกวันยังคงหาบผักไปเร่ขายตามปกติ
        วันหนึ่ง เขาหาบผักมาถึงหน้าบ้านเศรษฐี คุณนายถามอย่างจริงจังว่าวันก่อนฉันถามเธอว่าเธอยินดีจะเป็นลูกเขยบ้านฉันไหม คิดไตร่ตรองแล้วเป็นยังไง ทำไมไม่เห็นมาบอกคนขายผักได้ฟังรู้ว่าคุณนายพูดจริงไม่ได้พูดเล่นจึงบ อกคุณนายถึงคำพูดของอาเขา คุณนายกล่าวว่า เรื่องแต่งงานจะพูดเล่นได้อย่างไร เมื่อกลับไปบ้านปรึกษากับอาแล้วอย่าลืมมาให้คำตอบด้วยนะ
        วันต่อมา สองอาหลานได้มาบ้านเศรษฐี อาเขาถามว่า หลานผมว่าคุณนายจะให้เขาเป็นลูกเขย เป็นความจริงหรือเปล่าครับ” “เป็นความจริง เราทั้งสองอายุมากแล้วมีแต่ลูกสาวสามคนไม่มีลูกชาย หลานคุณเป็นคนซื่อ เราจึงคิดจะยกลูกสาวคนโตให้เขาเศรษฐีกล่าวอย่างจริงใจแต่บ้านเรายากจนไม่มีสินสอดจะให้ทำยังไง” “เรื่องนี้ไม่ต้องกังวล เราต้องการลูกเขยไม่ใช่สินสอดแล้วพิธีแต่งงานก็ดำเนินไปอย่างเรียบร้อย คนขายผักได้ทั้งภรรยาแสนสวยและทรัพย์สินก้อนโตที่ติด มากับเจ้าสาว ทำให้เจ้าหนุ่มดีใจมาก
        หลังจากแต่งงาน เนื่องจากความเป็นอยู่ไม่ขาดแคลนและมีพ่อตาแม่ยายคอย ให้ความช่วยเหลือแนะนำ คนขายผักจึงไม่ต้องหาบผักเร่ขายอีก สามีภรรยาต่างรักใคร่กันมาก วันเวลาแห่งความสุขผ่านไปได้เพียง 3 ปีก็เกิดเหตุไม่คาดฝันภรรยาเกิดล้มป่วยและเสียชีวิตล ง คนขายผักเศร้าโศกเสียใจมาก เศรษฐีก็เสียใจมากเช่นกัน เจ้าลูกเขยตั้งแต่เมียตายก็เอาแต่ร้องไห้โศกเศร้า เศรษฐีเห็นก็รู้สึกลูกเขยรักลูกสาวจริง
        วันหนึ่งเศรษฐีกล่าวกับภรรยาว่า ถ้าเขาแต่งงานใหม่กับคนอื่น เราทั้งสองก็จะขาดที่พึ่ง บัดนี้ลูกสาวคนที่สองก็โตเป็นสาวแล้ว ให้แต่งกับเขาเลยดีไหม ฝ่ายภรรยาเห็นด้วยเช่นกัน แต่ยังเกรงลูกสาวจะไม่ตกลงจึงเรียกลูกสาวมาถาม ซึ่งเธอก็ยินดี แล้วเรียกลูกเขยมาถาม ลูกเขยไม่อาจขัดความหวังดีของพ่อตาแม่ยายก็ตกลงคนขาย ผักแต่งกับลูกสาวคนที่สองของเศรษฐีได้เพียง 3 ปี ภรรยาคนใหม่ก็ป่วยตายอย่างกะทันหัน ทุกคนในบ้านต่างเศร้าโศกเสียใจ ที่โศกเศร้าที่สุดก็คือลูกเขย บุตรสาวคนโตและคนที่สองต่างแต่งงานได้เพียง 3 ปี ก็ตายเหมือนๆ กันอะไรเช่นนี้ หรือว่าชะตาชีวิตลิขิต เศรษฐีเห็นลูกเขยเศร้าโศกมากรู้สึกเห็นใจ จึงปรึกษาภรรยาว่าลูกคนเล็กโตเป็นสาวแล้วให้แต่งกับล ูกเขยแล้วกัน ภรรยาก็เห็นด้วย เศรษฐีจึงเรียกลูกสาวและลูกเขยมาถาม ซึ่งทั้งคู่ต่างยินดีที่จะแต่งงานกัน แต่งงานกันได้ 3 ปี ลูกสาวคนเล็กก็ถึงแก่กรรมอย่างไร้สาเหตุ
        ในวันที่เศรษฐีและลูกเขยกำลังจัดการเรื่องงานศพอยู่ข ณะนั้นมีพระรูปหนึ่งมาบิณฑบาต คุณนายกำลังกลุ้มใจก็กล่าวว่าเคราะห์ร้ายอย่างนี้ใส่บาตรไร้ประโยชน์ เศรษฐีปลอบใจภรรยาว่า ลูกสาว 3 คนตายหมดเหลือแต่เราสองตายาย คงเป็นกรรมเก่า นิมนต์อาจารย์ไปนั่งรอที่ห้องรับแขกก่อน ฉันจะไปซื้อกับข้าวมาทำอาหารเจถวายก็เป็นกุศลอย่างหนึ่งท่านเศรษฐีออกไปครู่หนึ่ง คุณนายเนื่องจากร้องไห้จนเหนื่อยอ่อนจึงหลับไป ในความฝันได้ยินพระที่มาบิณฑบาตกล่าวกับนางว่าในอดีตชาติสามีของโยมเป็นคนแจวเรือโดยสารข้ามฟาก ส่วนลูกเขยของโยมเป็นพ่อค้าใหญ่ ครั้งหนึ่งเขานำเครื่องเพชรจำนวนมากจะไปเมืองหลวง โดยได้ว่าจ้างเรือสามีโยมข้ามฟาก คาดไม่ถึงว่าสามีโยมเห็นทรัพย์เกิดความโลภ พอเรือไปถึงกลางแม่น้ำก็ผลักเขาลงแม่น้ำจมน้ำตาย แล้วยึดเอาทรัพย์สินของเขาไป ลูกสาว 3 คนของโยมตอนนั้นเป็นผู้โดยสารที่ร่วมมาในเรือลำเดียว กัน สามีของโยมเกรงว่าพวกเขาอาจไปเปิดเผยความลับ จึงปิดปากพวกเขาด้วยเงินคนละ 30 ตำลึง ครั้นสามีของโยมตายแล้ว วิญญาณตกสู่ยมโลก ยมบาลโมโหที่เขาฆ่าคนชิงทรัพย์อย่างเลือดเย็น จึงตัดสินให้เขาตกนรกชั้นที่ 18 เสวยทุกข์ เมื่อครบกำหนดโทษก็ให้เกิดเป็นควายอีก 10 ชาติ จนมาถึงชาตินี้จึงได้มาเกิดเป็นคนอีกครั้ง สามีของโยมทรัพย์สมบัติในปัจจุบันล้วนเป็นของลูกเขยโ ยมทั้งสิ้น ลูกสาว 3 คนของโยมก็คือผู้โดยสาร 3 คนนั่นในอดีตชาติ เพราะว่ามีความโลภ ยมบาลจึงปรับให้พวกเขาเป็นภรรยาของเขาคนละ 3 ปี กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ ทำไมยังต้องเสียใจอีก
        คุณนายตื่นขึ้นมา มองดูรอบๆ เมื่อครู่นี้ยังเห็นพระนั่งอยู่ในห้องรับแขก แต่บัดนี้ไม่เห็นแล้ว ครู่ต่อมา เศรษฐีหิ้วตระกร้าผักกลับมา คุณนายจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดกับสามี
เศรษฐีฟังจนขนลุกขนชัน แม้ว่าไม่มีหลักฐานพิสูจน์ แต่เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา จะไม่เชื่อเลยก็คงไม่ได้ จึงได้ยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้กับลูกเขย แล้วออกบวชบำเพ็ญธรรม แสวงหาความหลุดพ้นจากเวียนว่ายตายเกิด

สาระคอมพิวเตอร์น่ารู้
BAD Sector ???

สาเหตุอาจเกิดจาก : เกิดจากพื้นผิวของแผ่นจานเก็บข้อมูลของฮาร์ดดิส เกิดความเสียหาย โดยอาจเกิดรอยที่ผิวหรือเกิดจากเศษโลหะหรือฝุ่นขนาดเล็ก เกาะที่ผิวของจานเก็บข้อมูล
การแก้ไข :
1. ทำการ Mark BAD Sector โดยใช้โปรแกรมประเภท Scandisk ทำการ Scan โดยสามารถเรียกใช้โปรแกรมได้จาก Start Menu/Programs/Accessories/System tools/Scandisk และกำหนดค่าของโปรแกรมเป็น Thorough และ Automatically fix errors และกดปุ่ม Start
2. หากไม่มีความจำเป็น ต้องรักษาข้อมูลบนตัวฮาร์ดดิส ควรจะทำการ Full Format ใหม่ โดย Boot เครื่องด้วยแผ่น Startup Disk แล้วใช้คำสั่ง a:/format c:/s เพื่อทำการจัดเตรียมพื้นที่ใหม่โดยโปรแกรมจะทำการตรวจสอบพื้นผิวของแผ่นจานเก็บข้อมูลและเมื่อไม่สามารถอ่านพื้นผิวบริเวณใดก็จะระบุตำแหน่งจุดที่เสียบนพื้นผิวเพื่อที่โปรแกรม Windows จะไม่ไปใช้พื้นที่นั้นในการเก็บข้อมูล เมื่อโปรแกรมทำงานเสร็จสิ้นแล้วจะแสดงตารางแจ้งผลการทำงานหากมี Bad Sector ก็จะแสดงค่าที่เสียไปในตารางด้วย จากนั้นจึงติดตั้งโปรแกรม Windows ใหม่อีกครั้ง
3. ฮาร์ดดิสที่เกิด BAD Sector แล้วโดยส่วนใหญ่จะใช้งานได้อีกไม่นาน และมีโอกาสที่จะเกิดส่วนที่เสียเพิ่มขึ้นได้อีก ดังนั้นจึงควรที่จะสำรองข้อมูลไว้ในสื่ออื่นด้วยเพื่อป้องกันข้อมูลที่จะเสียหายจากการที่ไม่สามารถอ่านฮาร์ดดิสได้อีก

การป้องกันปัญหา :
1. เพิ่มขนาดของหน่วยความจำหนักของเครื่อง(RAM) ให้มากขึ้น เช่น ในWindows 98 ควรมีหน่วยความจำอย่างน้อย 64 Mb เป็นอย่างต่ำหรือหากสามรถที่จะใส่เพิ่มมากกว่านี้ก็จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมให้เครื่อง และเพื่อลดการใช้งานของตัวฮาร์ดดิสลงด้วย เนื่องจากโดยปกติหากเครื่องมีหน่วยความจำน้อยโปรแกรม Windows จะสร้างหน่วยความจำเสมือนขึ้น (Virtual Memory)โดยการแบ่งพื้นที่บนตัวฮาร์ดดิสไว้ส่วนหนึ่งเพื่อใช้งานแทนหน่วยความจำหลัก และทุกครั้งที่มีการใช้งานโปรแกรมที่ต้องการหน่วยความจำมากๆ Windows ก็จะใช้งานหน่วยความจำเสมือนนี้ซึ่งก็จะเป็นการเขียนอ่านฮาร์ดดิสในตำแหน่งเดิมๆอยู่บ่อยครั้งขึ้นโอกาสที่จะเสียหายก็มีมากขึ้นนั่นเอง
2. ต้องทำการ Shout Down เครื่องก่อนปิดเครื่องทุกครั้ง
3. ควรที่จะตั้งโหมดการประหยัดพลังงานโดยการหยุดการทำงานของฮาร์ดดิสเมื่อถึงเวลาที่กำหนดเช่น โดยปกติการใช้งานเครื่องอาจจะมีการเปิดโปรแกรมที่ใช้งานทิ้งไว้และไม่ค่อยได้เรียกใช้โปรแกรมอื่นอีก หรือไม่ได้ใช้ฮาร์ดดิสเป็นเวลาสักระยะเช่น 20 - 30 นาที หากเราตั้งโหมดการทำงานให้เครื่องหยุดการทำงานของฮาร์ดดิสลง ก็จะเป็นการลดการใช้งานฮาร์ดดิส และยืดอายุการใช้งานของฮาร์ดดิสได้ยาวนานขึ้น แต่การทำดังนี้จะมีผลเมื่อต้องการใช้งานฮาร์ดดิสเช่น เรียกโปรแกรมหรือบันทึกข้อมูลลงบนฮาร์ดดิส เครื่องจะต้องใช้เวลาเริ่มหมุนจานเก็บข้อมูลของฮาร์ดดิสสักระยะ(ประมาณ 10-15 วินาที)ทำให้ผู้ใช้อาจรู้สึกว่าเครื่องทำงานช้าหรือผิดปกติได้